000
ปรึกษาเครื่องเสียง อจ. ไมตรี โทร 099-569-6459    
 
บอร์ดพูดคุย, ซื้อ-ขายเครื่องเสียง
>> audio-teams.com
>> noom-hifi.com
>> wijitboonchoo.com
>> hifi55.com  
>> sk-audiophile.com
>> htg2.net
นิตยสารเครื่องเสียง
>> what Hi-Fi? Thailand
>> The Wave
>> Audiophile-Videophile
>> gm2000.com
>> The Stereo
ร้านค้าเครื่องเสียง
>> Piyanas Electric
>> KS Sons Group
>> Conice (บ้านทวาทศิน)
>> อัศวโสภณ
>> munkonggadget.com
>> bkkaudio.com
 
ปรับขนาดตัวหนังสือ เช่น 15, 16, 18, 20, + + / ยกเลิกใส่ 0 :

หมวดหมู่ > รายงานบททดสอบ > เครื่องเสียงบ้าน > ทดสอบ Straight Wire Serenade II
วันที่ : 31/08/2016
7,898 views

ทดสอบ Straight Wire Serenade II

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

            สายสัญญาณเสียง Serenade II จาก Straight Wire เป็นสายบาลานท์ การพันเส้นลวดตัวนำแบบ Helix (ตีเกลียวไขว้) ฉนวนเป็น PTFE/Foam Polypropylene, ลวดตัวนำเป็นทองแดง Certified Compressed Copper (CCT) โดยแต่ละองค์ประกอบจะมีผลต่อคุณสมบัติด้านเสียงแตกต่างกันไปในแต่ละแง่มุม คือเน้นเสียงจริง ไม่ใช่เอาแต่หมกมุ่นสเปคสวยๆ

            อย่างที่ทราบ เป็นที่รู้กันในวงการสาย แทบจะไม่มีใครยอมเผยไต๋ว่า สายของตน มีรายละเอียดโครงสร้างอย่างไร ทำด้วยอะไร ใช้หลักการอะไร มีทฤษฎีในการออกแบบอย่างไร ถือเป็นความลับ และเชื่อไหมว่า สายที่เสียงดีๆ เข้าท่าน่าฟัง ยิ่งใช้วิธีการง่ายๆ คือ จับแพะชนแกะ เอาสายโน้นโลหะนั้น มาใช้ร่วมกับ สายนี้โลหะนี้ ตีเกลียวแบบโน้นทีแบบนี้ที  ลองใส่ชีลด์ซิ ลองพันแบบนั้นนี้ เข้าคู่กับหัวนั้นๆ เข้าทำนอง ลองผิดลองถูก จนได้เสียงถูกใจที่สุด แล้วก็ทำออกขาย เป็นสายที่จูนด้วย “หู” ความสำเร็จจึงขึ้นอยู่กับว่า “หู” นั้น “ฟัง” เป็นแค่ไหน? และจากการได้ทดสอบ Serenade II ทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่า เป็นสายที่จูนด้วยหูและเป็นหูที่ฟังระดับพระกาฬกันเลย!

ผลการทดสอบ

            จากเครื่องเล่นแผ่น OPPO BDP 105 (ปรับปรุงภาคจ่ายไฟโดย Power Perfect โทร. ___ งบ 2,500 บาท คุ้มค่ามาก เห็นผลทีเดียว... เบินอิน 30 ชั่วโมง) ต่อออกสายเสียง Serenade II ทางช่องบาลานท์ (สายนี้ยาวข้างละ 1.2 เมตร) ไปเข้าอินทีเกรตแอมป์ Mark Levinson No. 383 (กำลังขับ 100 W.RMS/Ch ที่ 8 โอห์ม, 200 W.RMS/Ch ที่ 4 โอห์ม เป็นบาลานท์แท้ ขาเข้าถึงขาออก) ออกสายลำโพง Furukawa S-2 (ตามทิศ) แยกอิสระ 2 ชุด (หัว WBT หางปลาเงินด้านแอมป์, WBT บานาน่า, ล็อคได้ ด้านลำโพง) เข้าลำโพง Monitor Audio BR-5 (3 ทางวางพื้น, เอาหน้ากากออก) เอียงลำโพง ปรับให้ได้ ทั้งสุ้มเสียงครบ พร้อมกับเสียงมีทรวดทรงดีที่สุด (3D) สายไฟ AC เข้า No. 383 เป็นของ Nordost รุ่นถูกสุด (12,000 บาท) สีฟ้า สายไฟ AC ของ OPPO ยกมาจาก No. 383

            ยกสายลำโพงสูงจากพื้นห้อง 1 คืบ ด้วยตั้งกระดาษพิมพ์ดีดใหม่ (เอากระดาษสีแดงที่ห่อรีมออก) สูง 1 คืบ (2 รีม) และทับด้านบนสายอีก 3 รีม อีก 1 รีมสอดคั่นสาย S-2 ชุดเข้าแหลมกับชุดเข้าทุ้ม ไม่ให้แตะกัน

            ลำโพงซ้าย, ขวา วางห่างกัน 2 เมตร ห้องขนาดกว้าง 3.85 x 9 (ลึก) x 2.5 เมตร ผนังทั้ง 4 ด้าน มีฟองน้ำเก็บเสียง Sonex (สีขาว, รุ่นทำเยอรมัน) พื้นห้องพรม มีของอื่นเยอะพอควรในห้อง (แผ่น, หนังสือ) ไม่ก้องแน่ นั่งฟังห่างจากลำโพง 3.6 เมตร

            สายภาพ Monster HDMI HD2000 (เดินย้อนทิศ) จาก OPPO 105 ไปเข้าจอภาพ Toshiba (24 นิ้ว Full HD) สายไฟ Chord

            สายไฟ AC ทั้งหมด ต่อผ่านตัวกรองไฟ PHD Powerstation (เลือกเฟสไฟ AC ออก) สายไฟ AC จากเต้าเสียบตัวเมียที่กำแพงเป็นเต้า Monitor Acoustics (รุ่นสีเทา รุ่นสูงสุด) สายไฟเป็น Furukawa CB-10 (ทิศทางถูกต้อง) หัว Wattgate (ตัวผู้ตัวเมีย) เลือกเฟสไฟเข้า PHD ถูกต้อง

            มีตัวกรองไฟแบบหัวเสียบ PHD2 ในห้องเสียบ 1 หัวที่เต้า Monitor Acoustics ที่กำแพง, ขาออกจากกล่อง PHD 1 หัว 2 หัวภายในห้องเสียง (เต้าเสียบอื่นๆ ที่เหลือ), อีก 2 หัว แผงไฟเข้าห้องเสียง (ฟังทิศทางขาเสียบทุกหัว)

            ใต้เครื่องเล่น OPPO 105 มีแท่นรองกันสะเทือน Tombo PSC-01 บวกกับขาแหลม Magic Spike 4 ขา (ช่วยลดการสั่นของตัวเครื่องได้ถึง 90%) บน OPPO มีแผ่นแร่อาเกตขนาด 6 ฝ่ามือ มีแท่งควอตซ์สูง 1 คืบวางรอบ 3 แท่ง แท่งอ๊อบซีเดียนสูง 1 คืบวางบนอาเกต พร้อมก้อนอ๊อบซีเดียนกลมขนาด 2 นิ้ว 1 ก้อน (บนแท่นวางไม้) ทั้งหมดนี้ถูกครอบอีกทีบน OPPO ด้วยโครงปิรามิดทำจากควอตซ์สูง 1  ศอก

            มีก้อนแร่ ทัวมาลีนสูงครึ่งคืบ วางบนเต้าเสียบตัวเมีย Monitor Acoustic 1 ก้อน สายไฟ AC เข้ากล่อง PHD 1 ก้อน ขาออกไป No.383 1 ก้อน ไป OPPO 1 ก้อน ขาเข้า No.383 1 ก้อน ขาเข้า LCD TV 1 ก้อน ที่พื้นห้อง ปลายขาขวาที่นั่งฟัง 1 ก้อน ทุกก้อนฟังทดสอบทิศ หงายหรือคว่ำ หมุนองศาหาทิศด้วย

            หร้อมกล่องหนังสือที่มีตัวอย่างก้อนควอตซ์ต่างๆ 12 ก้อนจิ๋วของ July Hall 5 กล่องในห้อง (กลางห้อง 1 กล่อง หลังที่นั่งฟัง 4 กล่อง ทุกกล่องหมุนหาทิศ)

            ระวังมิให้สาย “ทุกเส้น” แตะต้องกัน, แตะต้องตัวเอง, ฟังทดสอบทิศทางสายทุกเส้น (สาย AC เฟสไฟ, สายอื่นทิศทางหัว-ท้าย)

            ไม่มีคอมพ์ PC/โน้ตบุ๊ค, VDO Game, โทร.มือถือ, โทร.บ้าน ไร้สาย, Wifi/LAN, รีโมท (แม้แต่รีโมทแอร์) มีแต่รีโมทของ OPPO, ไม่มีนาฬิกาข้อมือ, ตั้งโต๊ะ, กล้องดิจิตอล ภายในห้อง

            สาย Serenade II เป็นของใหม่ แกะกล่อง จึงนำมาดูหนัง, ฟังเพลงอยู่ร่วม 40 ชั่วโมง

            มีกระบอกกรองไฟ Highfidelity Cables MQ-05 เสียบที่แผงไฟขาเข้าห้องเสียบ 1 กระบอก (ฟังทดสอบทิศทางขาเสียบแล้ว มีผลมาก เสียบสลับขา มิติบวม)

ผลการฟังเพลง (CD)

            จากแผ่นระนาดเอก (ไทลำภู) Serenade II ให้เสียงไปทางตื่นตัว จริงจัง แต่หวานผ่อนคลายในที โทนเสียงสมจริงดี ความถี่ตอบสนองราบรื่น อาจไม่กรุ้งกริ้ง สดๆ ใสๆ ฟังเผินๆจะเหมือน ช่วงแหลมขึ้นไปลาดลงสัก 1~1.5 dB แต่ถ้าฟังนานๆ ก็โอเค ไม่รู้สึกว่าตกหล่น

            แยกแยะเสียงตีระนาดได้ดี เป็นโน้ตๆ ได้ดี รูปทรงแบบเม็ดๆ ค่อนข้างโอเค แม้จะไม่ชัดเจน ลอยตัวหลุดออกมาเปะๆ ให้รายละเอียดหัวโน้ตได้ดีโดยไม่เน้นจนเกินงาม รายละเอียดหยุมหยิมดีแบบรอให้คุณ มองเข้าไปดู ไม่โยนหรือจิกหูให้มาฟังแบบเน้นๆ

            สรุป ฟังสบาย มีความเป็นดนตรีสูงมาก

            จากแผ่น Rhythm Basket, A Tasket, A Tisket, A Child’s ของ Brent Lewis

            Serenade II ให้เสียงตีกลองที่น่ารัก ชวนติดตาม ให้ความกังวานที่หล่อเลี้ยงรอบๆ ทุกตัวโน้ตได้อย่างน่าประทับใจ โดยแยกจากความกังวานโดยรวมของทั้งวง จำแนกแจกแจงแต่ละโทนเสียง จากแต่ละจุดกำเนิดเสียงได้แบบของใครของมัน ไม่รู้สึกว่า ทุกๆ เสียงลู่ไปในทางเดียวกันหมด (Mono Tone) จึงทำให้เสียงโดยรวม หลากหลาย แจกแจง น่าสนใจ ชวนติดตาม

            ตอบสนองได้ฉับไวอย่างธรรมชาติ ให้ทรวดทรงได้ค่อนข้างดี รายละเอียดดี

            เพลง 4 เสียงพายวักน้ำ เสียงคลื่นใหญ่เล็กกระเพื่อมบนผิวน้ำต่อหน้าเรา ทำได้อย่างน่าสนใจ เพลง 6 นาทีที่ 4 เสียงสารพัดสัตว์แห่กันหลุดออกมา ห้อมล้อมตัวเรา รวมทั้งบางตัวมาอยู่ใกล้ๆ ต่อหน้าเรา คือ มีความเป็น “ฝูง” ไม่ใช่แค่ “ตีวงล้อม” น้องๆ เสียงรอบทิศ

            เพลงที่ 7 เสียงม้าวิ่งหอบมาแต่ไกล ใกล้เข้ามา เสียงหอบสมจริงดีมาก (เหมือนกับมีการสะบัดหัวด้วย!... โอ้ อะไรจะขนาดนั้น) ตามด้วยเสียงตีกลองท่อ วิ่งวนรอบลำโพงซ้าย, ขวา และห่างออกมาๆ เกือบถึงตัวเรา ขณะที่ลอยสูงขึ้นๆ จนเกือบถึงเพดานห้อง เหนือตัวเรา ไม่ใช่แค่เหนือลำโพงห่างออกไป

            เพลงที่ 10 นี่แหละ มหัศจรรย์บันเทิง ฟังไปๆ เสียงจะลอยไปปรากฏเหนือลำโพงทั้งสอง และเหนือขึ้นไปๆ จนถึงเพดานห้อง วิ่งวน ตรงโน้นที ตรงนี้ที จากนั้นวิ่งไล่กันไปมาอยู่ที่เพดานห้อง และวิ่งเลยมากลางห้อง มาถึงเพดานเหนือที่นั่งฟัง วิ่งวนไปวนมา เหนือศีรษะผมได้ แบบ “ตาเห็น” ไม่เคยได้ชัดจะแจ้งอย่างนี้มาก่อนเลย

            แผ่น The Greatest Alto Female Vol. 1 (Top Music) เสียงร้องเพลงจีนหวานๆ ของสุภาพสตรีจีน

            เพลงที่ 1 เสียงร้องของเธอ ด้วยสร้อยแบบเก็บทุกเม็ด ทุกอากัปกิริยาเต็มไปด้วยรายละเอียด เสียงทอดถอน, เสียงหายใจ, ริมฝีปาก, ขมุบขมิบ

            เพลงที่ 2 อารีรัง (จริงๆ เพลงเกาหลี) เสียงตีกลอง ทั้งแน่น, หนัก, กระชับ ไม่โป่งบวมเกินจริง หน้ากลองตึงเปะ ลงลึกอาจไม่ขนาดลึกสุดๆ แต่ก็เกินพอ

            เพลง 3 ขึ้นต้นด้วยเสียงดีดกีตาร์โปร่ง Serenade II เก็บมาให้คุณได้ทุกเส้นสาย รวมทั้งความกังวานพริ้วของแต่ละเส้น ไล่เรียง แยกแยะกันไป เสียงดนตรีอื่นๆ ที่ทุกโน้ตเป็นพระเอกหมด เสียงร้องที่หวาน ผ่อนคลาย

            เพลงที่ 4 เสียงร้องจะใส่อารมณ์และบันทึกได้ดีขึ้นไปอีก

            เพลงที่ 5 ขึ้นต้น เสียงกรุ้งกริ้งของปลายแหลมที่สดใส พริ้ว และอุดมด้วย ลมหายใจของตัวโน้ต (Airy) เสียงเครื่องสายที่โรแมนติก หวาน เป็นเส้นสาย ทั้งสีและดีด เสียงดับเบิ้ลเบสที่แน่น อิ่มลงลึก

            สรุปคือ ฟังแผ่นนี้ได้อย่างสบายใจ, ดื่มด่ำ เพลินดีมากๆ

            แผ่น Wood ของ Brian Broomberg เน้นโชว์ดับเบิ้ลเบสได้ดีเป็นพิเศษ

            เพลง 1 เสียงดีดดับเบิ้ลเบส เส้นใหญ่อิ่มแน่น อาจไม่ลงลึกสุดๆ แต่ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร เสียงกลองชุด/ฉาบ, เปียโนที่ตามมาทำได้ดี เสียงสด ตื่นตัว (ติดหวานโรแมนติกนิดๆ) โอเค สายนี้อาจไม่ให้การแยกแยะอ่อนแก่ของเสียงได้ระดับเทพ (Dynamic Contrast) อาจเพราะผู้ออกแบบอยากให้เราฟังแบบ กลมกล่อม สบายหู สไตล์ผู้ดีอังกฤษ มากกว่าขึงขังสไตล์อเมริกัน

            เพลง 2 เสียงต่างๆ จะหลุดลอยออกมามากกว่าเพลง 1 แต่ความเป็นตัวตน (3D) สู้เพลง 1 ไม่ได้หน่อย แต่เวทีเสียงก็อะร้าอะร่าม (เวทีเสียงที่โอบกว้าง เป็นจุดเด่นของสายนี้อยู่แล้ว)

            เพลง 3 เดี่ยวดับเบิ้ลเบส นี่แหละ วัดกันเลย กับสาย Serenade II คุณจะรับรู้ได้ถึงส่วนประกอบของฮาร์โมนิกส์ของแต่ละโน้ต จะไม่เหมือนมีเสียงโทนเดียว หากแต่จะเหมือนมีเสียงอื่นๆ ที่เป็นความถี่คู่ควบ (ฮาร์โมนิก) ของโน้ตหลักนั้น แทรกซ้อนอยู่ด้วย ยอมรับว่าแง่นี้ทำได้เก่งเอามากๆ อันทำให้เราแยกแยะ คุณภาพเสียงจากดนตรีประเภทเดียวกัน แค่เครื่องดนตรีถูก, แพงกว่ากัน ได้อย่างแปลกแยกจากกัน ยิ่งเครื่องดนตรีแพงๆ อย่างเปียโน สไตน์เวย์ (เริ่มที่เล็กสุด 3 ล้านกว่าบาท ขึ้นไปถึงเกือบ 20 ล้านบาท) หรือฝีมือของนักดนตรีแต่ละคน แต่ละคณะ ฟังแยกออกชัด ใครหมู่ ใครจ่า รวมทั้งนักร้องแต่ละคนที่ระดับเทพ หรือระดับตะโกนเรียกแขก อย่างเสียงร้องบันทึกล่าสุดของคุณสุเทพ วงศ์คำแหง (ขณะนี้ท่านน่าจะอายุ 70 แก่ๆ แล้ว) ในอัลบั้มล่าสุด วันสบายๆ กับมิตรต่างวัย” (วงพล นิกร กิมหงวน) แน่นอนว่า เสียงของท่านจะเอาทรงพลัง, ชัดถ้อยชัดคำไปหมดแบบหนุ่มสาวคงไม่ได้ แต่ก็ยอมรับว่า ถึงกระนั้น ลีลาและเสียงของท่าน การสอดใส่อารมณ์ ก็ยังระดับเทพ ยิ่งได้มือกีตาร์โปร่ง, เบส, คีย์บอร์ด ระดับเซียนเรียกพ่อ อย่างวงพล นิกร กิมหงวน กับสาย Serenade II ด้วย พูดได้คำเดียวว่า “เคลิ้ม” ยิ่งฟังยิ่งไพเราะ โดยเฉพาะเพลง 4 ผมชอบมาก มันเหมือนหัวใจล่องลอยอยู่ในธารแห่งสวรรค์ เป็นแผ่นที่พวกเราควรซื้อเก็บอย่างยิ่งครับ นานมากจริงๆ กว่าจะเจอแผ่นเพลงไทยที่เยี่ยมทั้งตัวเพลง/เล่น performance และการบันทึก (Recording) (ติอยู่อย่างเดียว ดูเหมือนกีตาร์เบสไฟฟ้า สายไฟ AC จะสลับขั้วบวก-ลบ! ทำให้เสียงเบสออกแบนไปหน่อย)

            บอกได้เลยว่า ถ้าสายเสียงไม่ดีพออย่าง Serenade II จะไม่มีวัน “เก็บเกี่ยว” คุณค่าของอัลบั้มแผ่นนี้ได้ระดับ เคลิ้ม ได้เลย

 

สรุป

            ในการฟัง CD คุณสบายใจได้เลยว่า Serenade II จะถ่ายทอดทุกเม็ดของการบันทึก ไม่ว่าสุ้มเสียง, เวทีเสียง, มิติเสียง, จิตวิญญาณของตัวเพลง, ผู้แต่ง/ผู้ร้อง/นักดนตรี/ช่างเสียง ออกมาได้แบบ สะเด็ดน้ำกันเลย มันเป็นสายที่แพรวพราวไปด้วยเสน่ห์จริงๆ ดูจากราคาอาจไม่ใช่สายที่ใครๆ ก็ซื้อได้ (ผมคาดว่า น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นบาทลดแล้ว... ยังไงรบกวนสอบถามเอเย่นต์อีกทีนะครับ โทร. 089-977-7777)

 

หมายเหตุ ผมได้พยายามฟังอย่างจับผิดสุดๆ พบว่า ถ้าเราปล่อยให้สายไม่มีสัญญาณใดๆ ผ่านสัก 2-3 นาที จากนั้นเริ่มฟัง เสียงจะยิ่งหลุดลอยออกมาดีขึ้น เวทีเสียงด้านลึกก็ลึกไปไกลขึ้น และแจกแจงรายละเอียดอะไรเป็นอะไรได้ดีขึ้น เวทีเสียงโอ่อ่า สยายปีกมาโอบหลังซ้าย, หลังขวาได้ดีขึ้น ทรวดทรงเสียงเป็น 3D และโฟกัสดีขึ้น สัก 10-15 วินาที มันจะเหมือนอิ่มตัว เข้าสู่ภาวะปกติที่เขาคงตั้งใจทำมาให้เป็นเช่นนั้น คือ จะผ่อนคลายขึ้น ลดความโอ่อ่าวงลงหน่อย สุภาพขึ้น (คล้ายๆ กับรุ่นท๊อปสุด Crescendo II ของเขา)

            แต่ตอนดูหนัง อาการดังกล่าว น่าจะน้อยลงจนแทบไม่รู้สึก (โดยรวมๆ) เนื่องจากเสียงหนัง มีช่วงดังสลับช่วงเงียบ (เยอะกว่าช่วงดัง) อีกทั้งเรามักเร่งดังอยู่แล้ว

 

การฟังเสียงหนัง

            ผมฟังด้วย 2CH Stereo แอมป์ลำโพง BR-5 คู่เดียว (ก็คือชุดที่ฟัง CD นั่นแหละ) เลือกเสียงออกจาก OPPO 105 เป็น LT, RT เลือกสัญญาณภาพออก (HDMI) ที่ 483/576 P คือความละเอียดต่ำสุด (ซึ่งจะให้ เสียงดีที่สุด ภาพมีมิติที่สุด)

            จากแผ่น Bluray สาธิต Dolby Atmos (ปี 2014) ช่วง Amaze บรรยากาศดุจเซอราวด์ (เราไม่ได้ใช้วงจรเซอราวด์ใดๆ เลย) เสียงใบไม้วิ่งอยู่เหนือศีรษะผม 2 ระดับด้วย ที่เพดานห้องกับที่เตี้ยลงมา, ช่วง Audio Sphere ก็เช่นกัน สุ้มเสียงดีมากๆ วิ่งอยู่ด้านหน้า เยื้องมาหลังซ้าย, ขวาบ้าง

            แผ่นหนัง Bluray เรื่อง The Wave (DVD พากย์ไทย) เสียงพากย์ดีมากๆ ฉากที่เจ้าหน้าที่ 2 คน ไต่ลงมาตามรอยแยกภูเขา เสียงก้อนหิน, ดินถล่ม กระจายอยู่รอบห้อง, ในห้องดุจเซอราวด์ ตามด้วยก้อนหินใหญ่ตกตูมลงมาจากเพดานห้อง ลงมาที่พื้นห้อง สมจริงมากๆ ฉากพระเอกเข้าไปหลบในรถพร้อมหญิง เพื่อนบ้าน ขณะคลื่นยักษ์พัดถล่มทะลายมาจากด้านหลังรถ สมจริงใช้ได้ เหมือนเราเป็นพระเอกและแรงคลื่นเขย่าม้วนตัวเราวนกระแทกกับภายในรถทุกทิศทาง บันทึกมาเยี่ยมมาก

            ในการดูหนัง การใช้สายดีๆ อย่างนี้ ช่วยให้เราฟัง เสียงในฟิล์มได้ชัด เข้าใจขึ้นมาก เหมาะมากกับผู้อยากฝึกภาษา อีกทั้งแม้แต่เสียงพากย์ไทย ก็สอดใส่อารมณ์ได้ดีขึ้นมาก ทำให้ดูเพลินยิ่งขึ้น

            แม้แต่จาก DVD คาราโอเกะเพลงไทย ก็ให้เสียงร้อง เสียงดนตรี น่าฟังขึ้นเยอะมาก

            มีอีกสิ่งที่พวกเราอาจไม่ทันได้ฉุกคิด

            คือ การใช้สายเสียง คุณภาพดี-เลว อย่างไร เชื่อไหมว่า ภาพที่ได้ก็จะดี-เลว ตามไปด้วย

            1) ถ้าสายมีการอิ่มตัว อื้ออึง ภาพจะออกมาสว่างโพลน ออกเคืองตา

            2) ถ้าสายมีการยกปลายแหลมเป็นช่วงความถี่แคบๆ เช่น 14 kHz ภาพจะออกคมชัดเกินจริง ขึ้นขอบภาพ วัตถุชัดแต่แบน

            3) ถ้าสายเสียงลงตัวฟังดีเป็นธรรมชาติ กลมกล่อม ภาพจะชัดแบบธรรมชาติ สีสันสดแบบกลมกล่อม มีพลังอ่อนแก่ของแสง เหมือนกำลังดูฟิล์มมากกว่าภาพดิจิตอล

            ซึ่งสาย Serenade II จะให้ภาพตรงกับข้อ 3 ให้มิติภาพดีขึ้น บริเวณที่สว่างก็สว่างมากขึ้น (ไม่โพลน) สีสันดุจฟิล์ม ความแวววาวดี ซึ่งสายนี้ช่วยภาพได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (และผมชอบมาก)

สรุปรวม ถ้าคุณกำลังมองหาสายเสียงบาลานท์ที่มีความเป็นดนตรีสูงมาก โดยไม่ทอดทิ้งความเที่ยงตรง สายที่เสียง, ภาพ มีเสน่ห์ ชวนฟัง ชวนดู สายที่มีวิญญาณ ได้อารมณ์สุนทรีย์... อย่ามองข้ามสายนี้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคุณจะเสียใจ!

ผู้แทนจำหน่าย บริษัท ออโต้ บิลเลี่ยน จำกัด โทร. 089-977-7777

 

www.maitreeav.com

www.maitreeav.com
สำนักงาน : 313/129 ซ. เคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
โทร. 081-5500269 , 099-569-6459